วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รถคันแรกของโลก








รถคันแรกของโลก
  ในปี 1886 คาร์ล เบนซ์ ได้ พัฒนายนตรกรรมคันแรกของโลกที่ผลิตภายใต้แนวคิดแบบองค์รวม โดยมีการนำตัวยานพาหนะ และเครื่องยนต์มาผสมผสานเข้าไว้ด้วยกันเพื่อสร้างระบบเครื่องจักรกลอันมี ประสิทธิภาพที่น่าทึ่งขึ้นเป็นครั้งแรก หมายเลขสิทธิบัตรของยนตรกรรมคันนี้ คือ DRP no. 37435 ที่ออกให้โดยสำนักงาน Imperial Patent Office เมื่อวันที่ 29 มกราคม ปี 1886 น้ำหนักโดยรวมของรถอยู่ที่ต่ำกว่า 300 กิโลกรัม เฉพาะเครื่องยนต์อย่างเดียวก็หนักเกินกว่า 100 กิโลกรัม จึงทำให้ยนตรกรรมจากเบนซ์คันนี้มีน้ำหนักเบาเป็นอย่างมาก ระบบขับเคลื่อนก็มีความทันสมัยอย่างยิ่งในขณะนั้น ด้วยห้องเผาไหม้เชื้อเพลิงภายในของเครื่องยนต์เป็นแบบสูบเดียว 4 จังหวะที่ติดตั้งในแนวนอนช่วยสร้างศักยภาพในการระบายความร้อนตามแบบ Thermosyphon และระบบการหล่อหลื่นแบบ drip lubrication

       โครงสร้างของตัวถังทำจากเหล็กที่ตัด เชื่อมให้โค้งงอเข้ารูป และด้วยเหตุที่เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหลังในกรณีเช่นที่ต้องเข็นรถจาก ทางด้านหลัง Karl Benz เกรงว่าจะเกิดปัญหาให้กับระบบพวงมาลัยซึ่งมีระบบที่แตกต่างไปจากยานพาหนะที่ ใช้กันอยู่ในขณะนั้น เขาจึงตัดสินใจให้รถยนต์คันแรกของมีเพียงสามล้อเท่านั้น โดยที่ล้อหน้าติดตั้งในลักษณะเหมือนกับล้อรถจักรยานและควบคุมการเคลื่อนที่ ด้วยแรงดึงจากเฟืองซึ่งเชื่อมต่อกับข้อเหวี่ยง(ป็นการใช้งานในขั้นตอนแรก เริ่มก่อนที่ Benz จะประดิษฐ์ระบบพวงมาลัยแบบ SdoubleOpivot ซึ่งเป็นต้นแบบที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งยิ่งต่อวงการยานยนต์ของโลกในปี 1893)
     
       Benz ได้ผลิตล้อแบบซี่ลวดและยางตันด้วยตัวของเขาเองมีเพียงขอบล้อเท่านั้นที่เป็น แบบ outsourced ล้อหน้าทำงานด้วยลูกปืนล้อส่วนล้อหลังงมีปลอกทำด้วยดีบุกหุ้มป้องกันการ เสียดสี ขับเคลื่อนด้วยโซ่ที่อยู่ด้านซ้ายและขวาขับเคลื่อนเพลาถ่วงดุลน้ำหนักเบาที่ ล้อหลังซึ่งจะส่งผลต่อตัวรถเช่นเดียวกับเพลาหลังแบบแข็งและสปริงรูปไข่
     
       รถยนต็คันแรกของโลกมีเพียงเกียร์เดียวและไม่มีเกียร์ถอยหลัง ความเร็วที่ใช้ในการขับเคลื่อนได้มาจากเพลาถ่วงดุลย์ที่ประกอบด้วยจานขับตัว หลักและเฟืองขับพร้อมทั้งตัวควบคุมรอบเดินเบา ลิ้นเปิดปิดควบคุมการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับเพลาถ่วงดุลย์ทำหน้าที่เช่น เดียวกับคลัทช์ การสตาร์ทเครื่องยนต์ทำโดยหมุนสายพานที่อยู่ระหว่างจานที่ควบคุมรอบเดินเบา กับจานขับหลัก ความเร็วที่ใช้ขึ้นอยู่กับการควบคุมของปลอกลูกเลื่อนที่อยู่ใต้เบาะที่นั่ง คนขับ
     
       รถคันที่โชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์ เมอร์เซเดส- เบนซ์ ณ เมืองสตุ๊ตต์การ์ตขณะนี้นั้นเป็นแบบจำลองจากของจริงที่ คาร์ล เบนซ์ผลิต เพราะเขาได้อุทิศให้กับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติในเมืองมิวนิค เมื่อปี 1906

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

5 อันดับมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ



 
5 อันดับมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ

มหาวิทยาลัย ถือเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาคนให้กลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา ประเทศ  มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุด 5 อันดับแรก ที่อยู่คู่ประเทศไทย และสร้างบุคคลากรชั้นยอดให้กับสายงานต่างๆมาอย่างยาวนานมีที่ใดบ้าง

เริ่มจากอันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระ บาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สถาปนา โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นเป็น " จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 เป็น มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย โดยเริ่มแรกมีการจัดตั้ง 4 คณะ ได้แก่ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ) คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ( คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน)

สำหรับอันดับที่ 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ริเริ่มก่อตั้ง "มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (มธก.)" ขึ้น เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 เป็นมหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของประเทศไทย โดยเปิดวิชาที่สอนเริ่มแรก 2 หลักสูตรคือ หลักสูตรธรรมศาสตร์บัณฑิต ซึ่งสอนวิชากฎหมายเป็นหลัก และ วิชาการบัญชี ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น " มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ผูกพันกับพัฒนาการทางการเมือง และความเป็นไปของชาติ ตลอดจนเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย

ส่วนมหาวิทยาลัยที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ 3 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มต้นจาก โรงเรียนช่างไหม ได้รับการพัฒนาการเรียนการสอนจนสถาปนาขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ " เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 เป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนทางด้านการเกษตรแห่งแรกของไทย โดยมีคณะเกษตรศาสตร์ คณะการประมง คณะวนศาสตร์ และคณะสหกรณ์ ในการตั้งครั้งแรก ซึ่งในปัจจุบันคือ คณะเกษตร คณะประมง คณะวนศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ และ คณะเศรษฐศาสตร์ และมีอีกหลากหลายคณะเพิ่มขึ้นตามมา

อันดับที่ 4 ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล มีการแยกคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ ออกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาตั้งเป็น "มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์" เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม มหิดล เป็นชื่อมหาวิทยาลัยใหม่ ว่า " มหาวิทยาลัยมหิดล "

ปิดท้ายด้วยอันดับที่ 5 มหาวิทยาลัยศิลปากร จาก โรงเรียนปราณีตศิลปกรรม ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่7 ได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนเป็น โรงเรียนศิลปากรจากนั้น พระยาอนุมานราชธนร่วมกับศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี พัฒนาหลักสูตรจนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2486 เพื่อเป็นสถาบันอุดมศึกษาขั้นสูงทางศิลปะของชาติ โดยมีคณะจิตรกรรมและประติมากรรม เป็นคณะวิชาแรก (ปัจจุบันคือคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์)

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับ สัตว์ที่อันตรายมากที่สุด

10 อันดับ สัตว์ที่อันตรายมากที่สุด



อันดับ 10 หมีขั้วโลก
ดูน่ารัก แต่รู้ไหมว่ามันเป็นนักล่าบนบกที่ใหญ่ที่สุด และความหิวทำให้มันไม่น่ารักซะเลย



อันดับ 9 ช้าง
เป็นสัตว์ที่เชื่อง แต่เวลาที่คุ้มคลั่งจะเป็นนักฆ่าชั้นดี แม้แต่คนเลี้ยงก็ไม่เว้น



อันดับ 8 Cape buffalo จากแอฟริกา
มองว่ามนุษย์เป็นนักล่าเสมอ และมักจะพุ่งเข้าชนเต็มแรงด้วยน้ำหนักตัว 1,500 ปอนด์และเขาแหลมของมัน




อันดับ 7
สิงโตเจ้าป่า อยู่รวมกันเป็นฝูง และอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร รวดเร็วและแข็งแรง



อันดับ 6 Great White Shark

ฉลามขาวเจ้าทะเล มีประสาทสัมผัสที่ไวมาก และเมื่อถึงเป้าหมายก็จะกัดทุกอย่างที่เคลื่อนไหวได้ ไม่เหมือนเรื่อง Jaws เพราะมันไม่ได้จ้องกินคน แต่จริงๆแล้วมันเข้าใจว่าเป็นแมวน้ำหรือปลาต่างหาก



อันดับ 5 Box jellyfish
สวยอันตราย ไม่มีสมอง และไม่ตั้งใจทำร้ายใคร จับแพลงตอนกินเท่านั้น ยาวได้ถึง 15 ฟุต ใสมองเห็นยาก ผูัที่เผลอไปโดนเข้าอาจจะเสียชีวิตได้ภายใจสี่นาทีเท่านั้น



อันดับ 4 จระเข้
จระเข้เป็นนักล่าซุ่มโจมตี โดยเฉพาะจระเข้น้ำเค็มที่จัดมนุษย์ไว้ในรายการอาหารด้วย



อันดับ 3 ผึ้งนักฆ่า Killer bees
อยู่ในอเมริกาใต้ รวมกันเป็นฝูงแม้คุณจะวิ่งหนีแล้ว มันก็จะตามล่าคุณได้นานกว่าสิบชั่วโมง



อันดับ 2 Funnel-web spider
จาก Australia วิ่งเข้าบ้านคนเพื่อหาตัวเมีย ระวังไว้เขี้ยวมันสามารถใช้กัดทะลุนิ้วมือคุณได้



อันดับ 1 ไม่ใช่คนและไม่นับคน ได้แก่งูเห่าเอเซีย
ในแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บจากงูนี้กว่า 50,000 คน และจำนวนมากเสียชีวิตด้วยพิษอันร้ายแรงของมัน


วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ฮิบาริ เคียวยะ ประวัติ

ฮิบาริ เคียวยะ (雲雀 恭弥 Hibari Kyōya )
ประวัติ
ฮิบาริ เคียวยะ เป็นหัวหน้ากรรมการคุมกฏระเบียบประจำโรงเรียนนามิโมริ ฮิบาริเป็นคนที่ชอบสันโดษไม่ชอบสุงสิงกับใคร หน้าตาดีแต่เพราะชอบทำหน้าเคร่งขรึมเสมอเลยไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ แม้่เวลาอี้ผิงเห็นฮิบาริทีไร ระเบิดแต้มดอกมักจะทำงานทุกทีก็ตาม ฮิบาริเป็นคนที่รักโรงเรียนมากถึงขนาดใช้เพลงริงโทนมือถือเป็นเพลงโรงเรียน และเขาก็ยังสนใจในตัวรีบอร์นอีกด้วย ถึงแม้จะเป็นวันหยุดแต่เขาก็ยังใส่ชุดนักเรียนไปไหนมาไหน ฮิบาริยอมไม่ได้ที่จะมีคนมาดูถูกโรงเรียน หรือเด็กนักเรียนนามิโมริถูกทำร้าย เขาจึงเป็นคนที่ใครๆก็หวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับความเคารพยำเกรงเช่นเดียวกัน ฮิบาริเกลียดการสุมหัว แม้แต่ในภาคอนาคต เขาก็ไม่พักในฐานทัพของวองโกเล่ แต่ไปสร้างฐานทัพอีกแห่งหนึ่งใกล้ๆกันแทน คาดว่าในห้องส่วนตัวเกือบทุกห้องของฮิบาริจะตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น และทุกคนที่เข้าไปจะต้องสวมชุดยูกาตะไม่เว้นแม้แต่เบียงกี้และรีบอร์น
ฮิบาริมีฝีมือที่ร้ายกาจ และเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในวองโกเล่คู่กับ โดคุโร  มุคุโร่ อีก ด้วย สำหรับซาวาดะ สึนะโยชิแล้ว ฮิบาริเป็นคนที่น่ากลัวมากถึงมากที่สุด แต่เมื่อได้ฮิบาริมาสู้ด้วยก็เป็นเหมือนยอดฝีมือที่ไว้ใจได้ในทุกสถานการณ์

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ : ฮิบาริ เคียวยะ
เพศ : ชาย
วันเกิด : 5 พฤษภาคม (วันเด็กผู้ชาย)
ราศี : พฤษภ
ส่วนสูง : 169 ซม.
น้ำหนัก : 58 กก.
หมู่เลือด : AB
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
เหล่ากำเนิด : มนุษย์
อาวุธ : ทอนฟา,กล่องวองโกเล่เมฆา
คำพูดที่ชอบพูด : เจ้าสัตว์กินพืช(ส่วนใหญ่ใช้เรียกคน),จะขย้ำให้เละ,ว้าว
อาหารที่ชอบ : อาหารญี่ปุ่น, แฮมเบอเกอร์,นํ้ามะพร้าว,สลัด(มีอยู่ในตู้เย็นที่บ้านเยอะมาก เพราะมันถูกดี )
ไฟธาตุ : เมฆา
แหวนประจำตัว : วองโกเล่แห่งเมฆา,กำไลข้อมือเวอร์ชันX ได้จากการรวมแหวนสัตว์กับแหวนวองโกเล่
เลขประจำตัว : 18

เทคนิคและอาวุธที่ใช้
อาวุธ
 
ฮิบาริมักพกกระบองสั้น(ทอนฟา)ติดตัวไว้เสมอ เป็นอาวุธที่ติดอุปกรณ์เสริมต่างๆเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นลูกตุ้ม ตะขอเกี่ยว ฯลฯ
 
กำไลข้อมือเมฆา version x
 
เป็นวองโกเล่เกียร์ธาตุเมฆาที่ปรับปรุงใหม่จากแหวนวองโกเล่และแหวนอาวุธ กล่องที่ชำรุดเสียหายจากการจู่โจมของชิม่อน โดยเมื่อทำการใส่ไฟธาตุเมฆา "โรลเวอร์ชัน X" ก็จะออกมาและเมื่อแคมพิโอฟอร์มม่าก็จะกลายเป็นเสื้อคลุมของกรรมการคุมกฏ เป็นเสื้อคลุมตัวยาวสีดำที่ปักลายนกกางปีกอยู่ข้างใน โดยมีพลังในการจู่โจมเพิ่มมากขึ้นและมีอาวุธมากมายซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม
 
อาวุธกล่อง
 
เม่นเมฆา วอลควอพิโน่ นูโวล่า (โรล) อาวุธกล่องธาตุเมฆาของฮิบาริที่มีความสามารถในการเพิ่มจำนวนได้ ด้านหลังที่ปกคลุมไปด้วยเข็มเมื่อเพิ่มจำนวนจะสามารถใช้เป็นอาวุธได้ บางครั้งก็ใช้เป็นแท่นเหยียบ ใช้พลังไฟธาตุเมฆาเพิ่มความหนาแน่นจนกลายเป็นบอลหนามที่ไม่สามารถทำลายได้ ฮิบาริเรียกว่า"โรล"แต่คุซาคาเบะแอบเรียกในใจว่า เจ้าหนูบาริ
กล่องวองโกเล่ธาตุเมฆา เป็นกล่องที่เสริมพลังให้กับเม่นเมฆาของฮิบาริทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่า ตัว เมื่อแคมพิโอฟอร์มม่าก็จะกลายเป็นกุญแจมือของผู้พิทักษ์เมฆารุ่น1 ชื่อ "กุญแจมือของอาราวดี้" สามารถเพิ่มพูนจำนวนด้วยความเร็วที่สูงมากจนสามารถล็อกคู่ต่อสู้ได้ทั้งตัว
 
ท่าไม้ตาย
 
โลกลูกตุ้มหนามเบื้องหลัง เมื่อใส่ไฟในจำนวนที่มากกว่าปกติให้กับกล่องเม่นเมฆาก็จะสามารถสร้างโลก เสมือนจริงภายในตัวของเม่นเมฆาได้ ภายในเต็มไปด้วยหนามต่างๆมากมายที่สามารถทิ่มแทงใครก็ได้แม้แต่ตัวฮิบาริเอง และเนื่องจากต้องใช้ออกซิเจนจำนวนมหาศาลในการจุดไฟเมฆาเพื่อให้ตัวเม่นคงรูป ออกซิเจนภายในตัวเม่นจะค่อยๆหมดไปทีละน้อย ฮิบาริใช้ท่านี้ในการต่อสู้กับอัศวินมายาเพื่อไม่ให้ "สเปคโทร นูดิบลังกี" ของอัศวินมายาเสริมพลังและสร้างภาพมายาหลอกล่อได้
พากย์เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย  ทาคาชิคอนโดะ

รูปภาพ